![]() |
How do you improve English?............................. |
b = บ bl = บล br=บร
c = ค / ซ ch =ช cl=คล cr=คร
d = ด dr= ดร
f = ฟ fl=ฟล fr=ฟร
g = ก /จ gh = ก gl = กล gr = กร
h = ฮ j = จ
k = ค kl = คล kn = น kr = คร
l = ล m = ม n = น
p = พ ph = ฟ pl = พล pr = พร
q = คว r = ร
s = ซ/ส sc = สค/ส sch = สค/ช scr = สคร
sh = ช sk = สค sl = สล sm = สม
sn = สน sp = สพ spl = สพล spr = สพร
sq = สคว st = สท str = สทร sw = สว
t = ท/ต th = ด/ตซ tr = ทร
v = วฟ์ w = ว wh = ฮ/ว wr = ร
x = ซ y = ย z = ส ng = ง*
c = ค / ซ ch =ช cl=คล cr=คร
d = ด dr= ดร
f = ฟ fl=ฟล fr=ฟร
h = ฮ j = จ
k = ค kl = คล kn = น kr = คร
l = ล m = ม n = น
p = พ ph = ฟ pl = พล pr = พร
q = คว r = ร
s = ซ/ส sc = สค/ส sch = สค/ช scr = สคร
sh = ช sk = สค sl = สล sm = สม
sn = สน sp = สพ spl = สพล spr = สพร
sq = สคว st = สท str = สทร sw = สว
t = ท/ต th = ด/ตซ tr = ทร
v = วฟ์ w = ว wh = ฮ/ว wr = ร
x = ซ y = ย z = ส ng = ง*
หมายเหตุ * พยัญชนะต้นใช้เฉพาะในภาษาไทย,
คำขีดเส้นใต้ เป็นเสียงนาสิก
คำขีดเส้นใต้ เป็นเสียงนาสิก
เสียงสระ
a = แอะ ai = ไอ au = เอา ao = เอา
ar = อาร์/ออร์ al = อาล์/ออล์ a-e = เอ au = ออ
aw = ออ ay = เอย์ e = เอะ/อี ea = อี/เอ
ear = เอีย/แอ ee = อี ew = อิว ey = อี/เอ
er = เออร์ ere = เอีย/แอ i = อิ ia = เอีย*
ir = เออ i-e = ไอ o= โอ/เอาะ/อัน oo = อู
oa = โอ oi = ออย or = เออ/ออ oor=ออ/อัว
ou = เอา/อู ow = เอา/โอ oy = ออย o-e = โอ/อัน
u = อุ/อั ua = อัว* ur = เออร์ uy = ไอ
y = ไอ/อี ye = ไอ
a = แอะ ai = ไอ au = เอา ao = เอา
ar = อาร์/ออร์ al = อาล์/ออล์ a-e = เอ au = ออ
aw = ออ ay = เอย์ e = เอะ/อี ea = อี/เอ
ear = เอีย/แอ ee = อี ew = อิว ey = อี/เอ
er = เออร์ ere = เอีย/แอ i = อิ ia = เอีย*
ir = เออ i-e = ไอ o= โอ/เอาะ/อัน oo = อู
oa = โอ oi = ออย or = เออ/ออ oor=ออ/อัว
ou = เอา/อู ow = เอา/โอ oy = ออย o-e = โอ/อัน
u = อุ/อั ua = อัว* ur = เออร์ uy = ไอ
ตัวสะกด
b = บ bt = บท์
c = ค ch = ช ck = ค ct = คท์
d = ด dge = ดจ์
f = ฟ ff = ฟ ft = ฟท์
g = ก ge = จ ght = ท
k = ค
l = ล ll = ลล์ ld = ลด์ lf = ลฟ์
lt = ลท์ mpt = มพท์
m = ม mb = มบ์ mf = มฟ์ mp = มพ์
n = น nd = นด์ ng = ง nx,nk = งค์
nce = นส์ nse = นส์ nt = นท์ nz = นส์
p = พ pf = พฟ์ ph = ฟ pt = มท์
q = ค que = ค pth = พตซ์
s = ซ/ส sk = สค์ sp = สพ? Ss = ส
st = สท์
t = ท th = ตซ the = ด
v = ฟ ve = ฟ
w = ว
x = กซ์ xt = คซท์ y = ย ye = ย
z = ส
b = บ bt = บท์
c = ค ch = ช ck = ค ct = คท์
d = ด dge = ดจ์
f = ฟ ff = ฟ ft = ฟท์
g = ก ge = จ ght = ท
k = ค
l = ล ll = ลล์ ld = ลด์ lf = ลฟ์
lt = ลท์ mpt = มพท์
m = ม mb = มบ์ mf = มฟ์ mp = มพ์
n = น nd = นด์ ng = ง nx,nk = งค์
nce = นส์ nse = นส์ nt = นท์ nz = นส์
p = พ pf = พฟ์ ph = ฟ pt = มท์
q = ค que = ค pth = พตซ์
s = ซ/ส sk = สค์ sp = สพ? Ss = ส
st = สท์
t = ท th = ตซ the = ด
v = ฟ ve = ฟ
w = ว
x = กซ์ xt = คซท์ y = ย ye = ย
z = ส
ตัวอย่างการอ่านออกเสียง
**********************
วิธีการสะกดอ่านเทียบ
วิธีการสะกดอ่านเทียบ
a n = an
เทียบกับภาษาไทย แ-ะ น = แอน
สะกดอานเปรียบเทียบว่า แอะ นอ = แอน
สะกดอานเปรียบเทียบว่า แอะ นอ = แอน
b a g = bag
เทียบกับภาษาไทย บ แ-ะ ก = แบก
สะกดอ่านเทียบเสียงเสียงว่า บอ แอะ กอ = แบก
สะกดอ่านเทียบเสียงเสียงว่า บอ แอะ กอ = แบก
d i d = did
เทียบกับภาษาไทย ด อิ ด = ดิด
อ่านออกเสียงว่า ดอ อิ ดอ ดิด
อ่านออกเสียงว่า ดอ อิ ดอ ดิด
เทคนิคจำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลางที่มีความจำเป็น เนื่องจากมีบทบาทต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ รวมไปถึงน้อง ๆ นักศึกษาที่หลายหลักสูตรต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นพื้นฐาน ส่วนใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการจำคำศัพท์ 'เกร็ดน่ารู้ Edutainment Zone' มีเทคนิคช่วยจำมาฝาก
.. จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง
.. จัดศัพท์เป็นหมวดหมู่ เช่น คำที่มีความสัมพันธ์กัน หรือมีความหมายตรงข้ามกัน จะช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายขึ้น อาจจดบันทึกใส่สมุดที่พกพาได้ เพื่อความสะดวกเมื่อต้องหยิบมาท่องในเวลาว่าง
.. นำศัพท์มาใช้บ่อย ๆทำให้เกิดความเคยชิน จะจำได้แม่นยำขึ้น จากนั้นลองแต่งประโยคจากคำเหล่านั้น เพื่อฝึกการเรียบเรียงประโยค
.. จำศัพท์จากการออกเสียง อาทิ คำที่ออกเสียงคล้าย ๆ กัน นอกจากจะช่วยให้นึกถึงความหมายได้ง่ายแล้ว ยังได้รู้หลักการออกเสียงที่ถูกต้อง
.. ท่องศัพท์ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 10 คำ และหมั่นทบทวนบ่อย ๆ ให้คุ้นเคย หากมีโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ควรลองนำศัพท์ไปใช้ในสถานการณ์จริง
.. ฝึกฟัง-อ่านภาษาอังกฤษจากข่าวหรือหนังสือต่าง ๆ แล้วสังเกตหาศัพท์ที่เคยท่อง จะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวโดยรวมของเรื่องที่อ่านได้เร็วขึ้น
หลักการจำที่สำคัญอีกประการ คงต้องอยู่ที่ความขยันและความสม่ำเสมอในการท่อง เพื่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ที่ได้ผล.
รู้สึกสมองตื้อทุกครั้งเมื่อนึกถึงการที่ต้องท่องจำศัพท์ภาษาอังกฤษซะมากมายใช่มั้ย? ที่จริงการท่องศัพท์ไม่จำเป็นต้องเป็นงานที่ทำให้ปวดหัวหรือเหนื่อยใจเสมอไปหรอก เชิญอ่านเคล็ดลับในการเรียนศัพท์ดังต่อไปนี้แล้วนำไปใช้รับรองได้ผล !
ความเกี่ยวเนื่อง: ถ้าคุณจัดคำศัพท์ออกเป็นหมวดหมู่ขึ้นอยู่กับความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันระหว่างศัพท์แล้วเขียนออกมาเป็นแผนผังจะทำให้คุณจำคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น
เขียน: การนำคำศัพท์นั้นมาใช้จะทำให้คุณจำได้ฝังใจยิ่งขึ้น ลองเขียนแต่งประโยคโดยนำศัพท์ใหม่ที่เรียนนั้นมาประกอบหรือแต่งเรื่องโดยใช้กลุ่มคำศัพท์หรือสำนวนที่เรียนอยู่
วาดรูป: ดึงวิญญาณศิลปินในตัวคุณออกมาใช้ โดยการวาดรูปที่แสดงถึงศัพท์ที่คุณเรียนอยู่ ภาพที่คุณวาดจะช่วยกระตุ้นความทรงจำถึงศัพท์นั้นในอนาคต
แสดง: แสดงท่าทางประกอบคำศัพท์หรือสำนวนที่คุณกำลังเรียนอยู่ หรือจินตนาการว่าคุณจะแสดงออกอย่างไรในสถานการณ์ที่คุณต้องใช้ศัพท์คำนั้น
สร้าง: ออกแบบ flashcards ศัพท์ภาษาอังกฤษพร้อมความหมายแล้วเปิดอ่านหรือท่องในยามว่าง ทำเล่มใหม่ขึ้นทุกอาทิตย์และอย่าลืมทบทวนอันเก่าไปพร้อมๆ กันด้วย
ความสัมพันธ์: กำหนดแต่ละสีให้แต่ละคำศัพท์ ความสัมพันธ์ของแต่ละคู่จะช่วยให้คุณจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นเมื่อนึกถึงคำนั้นในคราวต่อไป
ฟัง: นึกถึงศัพท์คำอื่นที่ออกเสียงคล้ายๆ กับคำศัพท์ใหม่ที่คุณพยายามเรียนอยู่ ใช้ความสัมพันธ์ตรงจุดนี้ในการช่วยให้คุณจำการออกเสียงของคำใหม่นั้น
เลือก: จำไว้ว่าการเรียนในหัวข้อที่คุณชอบหรือสนใจจะทำให้คุณรู้สึกว่ามันง่ายขึ้น ฉะนั้นคุณควรใส่ใจในการเลือกคำศัพท์ที่คุณคิดว่ามีประโยชน์หรือน่าสนใจ เพราะแม้แต่กระบวนการเลือกคำที่จะเรียนก็มีผลให้คุณจำได้แม่นและเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน !
ข้อจำกัด: คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คนเราจะจำศัพท์ที่มีอยู่ในดิกชันนารี่ทั้งหมดได้ในวันเดียว เพราะฉะนั้นจำกัดการเรียนศัพท์ใหม่แค่วันละ 15 คำก็พอแล้ว ซึ่งถ้าพยายามจำให้มากคำเกินไปกว่านี้แทนที่มันจะทำให้คุณรู้สึกมั่นใจกลับจะทำให้คุณสมองตื้อแทน
สังเกต: พยายามสังเกตหาคำศัพท์ที่คุณกำลังเรียนอยู่เมื่ออ่านหรือฟังภาษาอังกฤษ